--> --> โรคภูมิแพ้ ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคภูมิเเพ้ -->

0

(0)

ทำความรู้จักกับโรคภูมิแพ้ และแนวทางลดความเสี่ยงในการเป็นโรคภูมิเเพ้

2024-01-31 14:10:06

#โพรไบโอติก #ภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้คืออะไร?

  โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายของเราที่มีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อสารก่อภูมิแพ้ต่างๆไรฝุ่น อาทิเช่น รังแคของสุนัขและแมว แมลงสาบ เกสรดอกหญ้า


อาการของโรคภูมิแพ้

   โรคนี้มีสาเหตุนึงมาจากพันธุกรรม ดังนั้นหากมีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคนี้ อาจส่งผลให้อาการรุนแรงขึ้น  และการแสดงอากาแพ้จะแสดงออกมาทางระบบอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย


โรคภูมิแพ้เกิดขึ้นกับระบบใดในร่างกาย

  • ระบบหายใจ 

มีอาการตั้งแต่น้ำมูกไหล จาม คันจมูก คัดจมูก (คนทั่วไปเรียกว่าโรคแพ้อากาศ) หรืออาจมีอาการรุนแรง เช่น ไอ แน่นหน้าอก มีอาการหอบ ซึ่งเป็นอาการของโรคหืด สาเหตุของโรคภูมิแพ้ของระบบทางเดินหายใจ ส่วนมากเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ โดยในคนไทยส่วนใหญ่มักเกิดจากการแพ้ไรฝุ่น รองลงมาคือ แมลงสาบ  ขนและรังแคสัตว์เลี้ยง เช่น  แมว สุนัข เกสรพืช หรือเชื้อราในอากาศ “สำหรับในเด็กเล็กๆ การแพ้อาหารเช่น นมวัว ไข่ อาจแสดงอาการออกมาทางระบบหายใจได้ เช่น หายใจครืดคราด เป็นต้น”

  • ผิวหนัง 

เช่น ผื่นลมพิษ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) หรือ ผื่นแพ้จากการสัมผัส สาเหตุใหญ่ของลมพิษมักเกิดจากอาหารและยา ส่วนผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมักเกิดขึ้นในเด็กที่มีพันธุกรรมของโรคภูมิแพ้ในครอบครัว อาจเกิดจากการแพ้อาหาร เช่น นมวัว ไข่ ซึ่งทำให้เกิดผื่น โดยมักเกิดบริเวณแก้มในเด็กเล็กหรือข้อพับในเด็กโต

  • ระบบทางเดินอาหาร 

ได้แก่ อาการปวดท้อง อาเจียน ถ่ายเป็นมูกเลือด สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการแพ้อาหาร

  • ระบบอื่นๆ 

(ที่มักมีอาการรุนแรง) ผู้ป่วยบางรายมีอาการแพ้มาก อาจมีอาการเกิดขึ้นในทุกระบบ เช่น หอบ ลมพิษ ช็อค หรืออาจรุนแรงจนเสียชีวิตภายหลังจากการกินอาหารบางชนิด เช่น กุ้ง ถั่วลิสง  ฯลฯ หรือภายหลังได้รับยา เช่น เพนิซิลลิน



สาเหตุของโรคภูมิแพ้

  • พันธุกรรม 

โรคภูมิแพ้หลายโรค จะเกิดขึ้นได้ง่ายถ้ามีพันธุกรรม เช่น โรคหืด โรคแพ้อากาศ และผื่นภูมิแพ้ในเด็กยิ่งถ้ามีประวัติว่าทั้งพ่อและแม่เป็น จะยิ่งมีโอกาศมากกว่าพ่อหรือแม่เป็นฝ่ายเดียว กล่าวคือถ้าพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้จะทำให้ลูกมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ประมาณร้อยละ 30-50 แต่ถ้าทั้งบิดาและมารดาเป็นโรคภูมิแพ้จะมีผลให้บุตรมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นถึงร้อยละ 50-70 ในขณะที่เด็กที่มาจากครอบครัวที่ไม่มีประวัติโรคภูมิแพ้เลยมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้เพียง 10%

  • โรคภูมิแพ้บางอย่าง 

สาเหตุจากพันธุกรรมไม่ค่อยเป็นปัจจัยสำคัญมากนัก เช่น ลมพิษ แพ้จาการสัมผัส เช่น แพ้เครื่องประดับ แพ้เครื่องสำอาง เป็นต้น

  • สิ่งแวดล้อม 

เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะสารก่อภูมิแพ้ที่จะเข้าสู่ร่างกายเราเกิดจากสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น  ไม่ว่าสารก่อภูมิแพ้ที่เข้าร่างกายโดยการหายใจ  การรับประทาน หรือการสัมผัส  สารก่อภูมิแพ้บางอย่างสังเกตได้ง่าย เช่น มีอาการหลังจากรับประทานทะเลอาจเกิดผื่นลมพิษภายในเวลาครึ่งชั่วโมง หรือกินยาแล้วมีผื่นขึ้น ผู้ป่วยกวาดบ้าน เล่นกับแมวหรือสุนัขแล้วเกิดอาการจาม คัดจมูกหรือหอบ

  • สารก่อภูมิแพ้

บางอย่างสังเกตได้ยากเพราะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่น เกสร เชื้อราในอากาศ หรือไรฝุ่นในบ้าน ซึ่งพบมากตามที่นอน หมอน โซฟา ห้องรับแขก พรม ฯลฯ


นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยร่วมที่ทำให้เกิดของโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้นหรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น อากาศเย็น มลพิษในอากาศจากความควันรถ ควันโรงงาน อุตสาหกรรม ฝุ่นละอองตามท้องถนน ควันบุหรี่อีกด้วย


มีอาการอย่างไร จึงสงสัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้

  • ระบบการหายใจ 

ตั้งแต่จาม คันจมูก น้ำมูกไหล คัดจมูก คันตา คันคอ หรือไอเรื้อรังมีเสมหะ มีอาการหอบเหนื่อย หายใจเสียงดังวี้ดๆ อาการดังกล่าวอาจเป็นๆ หายๆ อาจมีอาการเป็นไปตามฤดูกาล หรือเป็นตลอดเกือบทั้งปี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุ

  • ระบบผิวหนัง 

อาจแสดงเป็นลมพิษ ผื่นคันตามข้อพับ ในเด็กอาจมีผื่นแดงบริเวณแก้ม

  • ระบบทางเดินอาหาร

ตั้งแต่คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง ปวดท้อง ถ่ายเป็นมูกเลือด

  • แสดงอาการทุกระบบ 

ในคนไข้ที่แพ้รุนแรง อาจมีทั้งอาการหอบ หายใจลำบาก ลมพิษขึ้น ช็อคหรืออาจเสียชีวิต


การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้

   แพทย์จะซักประวัติผู้ป่วยโดยละเอียด การตรวจร่างกาย ตรวจทางห้องปฏิบัติการในบางราย หรือในรายที่ต้องการทราบสาเหตุว่าแพ้อะไรอาจใช้การทดสอบผิวหนัง



การรักษาโรคภูมิแพ้

  • หลีกเลี่ยงจากสารที่แพ้ (ถ้าเราทราบว่าแพ้สารอะไร)

หากทราบว่าแพ้สารอะไร ก็พยายามหลีกเลี่ยงสารนั้นให้มากที่สุด เมื่อสารก่อภูมิแพ้ไม่เข้าร่างกายก็จะไม่มีอาการ  สารก่อภูมิแพ้บางอย่างหลีกเลี่ยงง่ายเช่น หลีกเลี่ยงจากสัตว์เลี้ยง จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการของโรคลดลงได้  สารบางอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก เช่น เกสรหญ้า เกสรต้นไม้ เชื้อราในอากาศ ที่มีอยู่ในบรรยากาศที่เราหายใจ มีมากน้อยแล้วแต่สถานที่และฤดูกาล  สารบางอย่างหลีกเลี่ยงได้ยากแต่ทำให้น้อยลงได้ เช่น ไรฝุ่นตามที่นอน หมอน พรม ก็หมั่นทำความสะอาด ดูดฝุ่นสม่ำเสมอ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนควรทำความสะอาดบ่อยๆ ถ้าซักด้วยเครื่องควรปรับอุณหภูมิให้ร้อนประมาณ 60 องศาเซลเซียส และซักทุกสัปดาห์ จะช่วยลดจำนวนไรฝุ่นได้ หรืออาจใช้ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนกันไรฝุ่น ก็จะช่วยลดไรฝุ่นในที่นอน ที่ก่อให้เกิดอาการได้พอสมควร  ในกรณีที่ผู้ป่วยแพ้จากการสัมผัส เช่น ผื่นคันบริเวณที่ถูกเครื่องประดับ เครื่องสำอางค์ ก็งดการใช้ผื่นก็จะไม่เกิด


  • การป้องกันไม่ให้เกิดโรคภูมิแพ้

- ให้ทารกกินนมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุอย่างน้อย 4-6 เดือน


- ให้นมสูตรพิเศษ กรณีที่นมแม่ไม่พอหรือจำเป็นต้องให้นมอื่นเสริม อาจมีประโยชน์ในการป้องกันการเกิดผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบในทารกกลุ่มเสี่ยง


- อาหารเสริมตามวัยสามารถให้ได้เมื่อทารกอายุ 4-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับความพร้อมของทารก โดยเริ่มจากอาหารที่มีความเสี่ยงต่อการแพ้น้อยก่อน เช่น ข้าว ผักใบเขียว ไก่ หมู เป็นต้น


- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ในบ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้องนอนทารกควรเป็นห้องโปร่ง สะอาด มีของเท่าที่จำเป็น ที่นอน หมอน ควรใช้ชนิดใยสังเคราะห์  หลีกเลี่ยงนุ่น ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนควรซักบ่อยๆ ถ้าเป็นไปได้ควรซักในน้ำร้อน ไม่ควรมีตุ๊กตาที่มีขน พรม  หรือหนังสือในห้องนอน เช็ด ถู ทำความสะอาดห้องเป็นประจำ ควรเปิดให้อากาศถ่ายเทและแสงแดดเข้าได้ ไม่ควรมีผู้สูบบุหรี่ในบ้าน ให้หลีกเลี่ยงควัน สิ่งระคายทางระบบหายใจให้มากที่สุด นอกจากนั้นพยายามหลีกเลี่ยงการติดเชื้อระบบการหายใจ เพราะเชื้อไวรัสบางอย่างมีผลทำให้เด็กมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้นหรือมีอาการมากขึ้น


โรคภูมิแพ้ถือว่าเป็นโรคโรคหนึ่งที่ไม่มีใครอยากเป็น แต่ก็หนีไม่ได้ เพราะเป็นได้ค่อนข้างง่าย 

ยิ่งร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันน้อยก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเป้นโรคภูมิแพ้ 


ดังนั้นเรามีสินค้ามาแนะนำทุกท่าน นั้นคือ Pobiota BL นวัตกรรมโปรไบโอติกแบคทีเรีย จาก “ประเทศฝรั่งเศส” ซึ่งเป็นโภชนเภสัชที่มีหลักฐานการวิจัยทางการแพทย์ว่า “ช่วยเรื่องภูมิแพ้และเพิ่มภูมิคุ้มกัน” เป็นสูตรซินไบโอติก ที่มีโปรไบโอติกแบคทีเรียสายพันธุ์ Bifidobacterium lactis (B. lactis B94) โปรไบโอติกสำหรับสุขภาพเด็กและทุกคนในครอบครัว


โดยงานวิจัยพบว่า บิฟิโดแบ็คทีเรียม อะนิมอลิส แล็กติส (B.Lactis) ช่วยลด IgE 88% และ Eosinophil 74% ซึ่งเป็นสารบ่งบอกการเกิดภูมิแพ้ ดังนั้น B.Lactis B94 จึงมีส่วนช่วยในการลดการเกิดภูมิแพ้ได้ และยังได้รับการยอมรับโดยผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขประเทศแคนาดาว่า “เป็นจุลินทรีย์ที่ส่งเสริมทำให้ลำไส้ดีทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่”



PROBIOTA BL มีประโยชน์อย่างไร

  •  ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
  •  ป้องกันภูมิแพ้ผิวหนัง ผื่นแพ้ รวมถึงอาการแพ้อาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  •  ลดอัตราการเกิดลำไส้เน่าในเด็กคลอดก่อนกำหนด
  •  ป้องกันอาการท้องผูก ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น
  •  ลดอาการผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด แน่น เรอ
  •  ลดระยะเวลาท้องเสียให้หายเร็วขึ้นภายใน 3 วัน
  • ลดอาการท้องเสียจากการติดเชื้อโรต้าไวรัส, Salmonella, Shigella และ Clostridium


ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://probac.co/sale-page/PROBIOTABL 





จักรวาลคนสุขภาพดีด้วยโพรโบโอติก

FOLLOW US
----------------






Copyright ® 2019 ketshopweb.com